Creator / Influencer ในยุค Social Commerce
ในยุคที่ผู้บริโภคจำนวนมากตัดสินใจซื้อสินค้าจากสิ่งที่เห็นในโซเชียลมากกว่าการโฆษณาแบบเดิม Creator และ Influencer จึงกลายเป็น “กำลังขาย” สำคัญ ที่ช่วยผลักดันการซื้อให้เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด โดยมีบทบาทหลักดังนี้:
สร้างความน่าเชื่อถือ (Trust Builder)
ผู้บริโภคเชื่อคำแนะนำของ Creator มากกว่าแบรนด์ เพราะเป็นคนจริง ทดลองใช้จริง ทำให้ลูกค้ากล้าตัดสินใจเร็วขึ้น.
กระตุ้นการอยากซื้อ (Drive Desire)
จากการรีวิว การแกะกล่อง การใช้งานจริง ทำให้เห็นภาพว่าของใช้ได้ดีจริงหรือไม่.
ส่งต่อประสบการณ์ (Storytelling)
Creator มีความสามารถในการเล่าเรื่อง และทำให้สินค้าดูมี “ชีวิต” ลูกค้าจึงเข้าถึงง่ายกว่าการโฆษณาแบบแข็ง ๆ.
สร้างกระแส (Trend Maker)
เมื่อ Creator ดัง ๆ ใช้สินค้าอะไร คนจำนวนมากมักทำตาม เกิดการแชร์และทำให้ยอดขายพุ่งแบบไว.
ในสรุป: Creator คือตัวกลางที่ช่วยให้สินค้าจาก “ไม่รู้จัก” → “น่าสนใจ” → “อยากซื้อ” → “คลิกซื้อเลย”
เมื่อแบรนด์ต้องการให้ยอดขายเติบโตแบบไม่ต้องเพิ่มค่าโฆษณามาก การสร้างเครือข่ายพ่อค้าแม่ค้าหรือ Creator ที่ช่วยขายสินค้าแบบ Affiliate เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ได้ผลมาก.
Affiliate คืออะไร?
คือระบบที่ให้คนอื่นนำสินค้าของเราไปขาย และเราจ่ายผลตอบแทนตามยอดขายจริง เช่น 5%, 10%, 20% ต่อออเดอร์.
จุดเด่นของเครือข่าย Affiliate:
ไม่ต้องใช้ทุนก่อน ค่าใช้จ่ายเกิดเฉพาะเมื่อมีการขายเท่านั้น
ขยายกำลังคนขายได้ไม่จำกัด
Creator และพ่อค้า-แม่ค้าจะช่วยโพสต์ ช่วยรีวิว ช่วยยิงคอนเทนท์ให้อย่างต่อเนื่อง
ยอดขายเพิ่มขึ้นแบบ “กระจายวงกว้าง” โดยไม่ต้องทำคนเดียว
สิ่งสำคัญในการสร้างเครือข่ายช่วยขาย:
สร้างกลุ่มเฟซบุ๊ก/ไลน์ สำหรับแจ้งข่าวสินค้าใหม่
ให้รูป คำบรรยาย และข้อมูลพร้อมใช้งาน (Content Package)
มีโค้ชสอนขาย เทคนิคไลฟ์ เทคนิคโพสต์
จ่ายค่าคอมชัดเจน ตรงเวลา มีกติกาชัดเจน
เมื่อระบบพร้อม พ่อค้าแม่ค้าจะช่วยขายให้แบบต่อเนื่องและยั่งยืนมากขึ้น.
การทำงานกับ Creator ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องจ้างแพงแบบ Influencer ตัวท็อปเสมอไป แต่สามารถเลือกให้เหมาะกับเป้าหมาย โดยแบ่งเป็น 4 รูปแบบหลัก:
Creator ผลิตคลิป 1–2 คลิปตามตกลง
ได้คอนเทนท์ที่นำไปใช้ยิง Ads หรือโพสต์ซ้ำได้
เหมาะเมื่ออยากสร้างการรับรู้ (Awareness)
จ่ายตามยอดขายจริงผ่านลิงก์ตะกร้า
Creator จะตั้งใจขายมากขึ้น เพราะยิ่งขายได้เยอะ ยิ่งได้เงินเยอะ
เหมาะสำหรับสินค้าใน Marketplace เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop
ให้ค่าจ้างพื้นฐานเล็กน้อย + คอมมิชชั่นตามยอดขาย
ช่วยจูงใจและควบคุมคุณภาพงานได้ดีกว่า
ปัจจุบัน Marketplace ต่าง ๆ มีฟีเจอร์ให้ Creator แชร์ลิงก์ตะกร้าเพื่อนำลูกค้าไปสู่สินค้า เช่น:
ลิงก์สินค้าตรง (Product Link)
ตะกร้ารวมหลายสินค้า (Basket Link) เหมาะกับการจัดเซ็ต/โปรคู่
ลิงก์ร้านค้า (Shop Link)
Creator แปะลิงก์ในแคปชั่น คลิป รีวิว หรือไลฟ์ ให้ลูกค้ากดซื้อในทันที.
ข้อดีของลิงก์ตะกร้า:
ลูกค้าไม่ต้องไล่หาสินค้าเอง
เพิ่มอัตราซื้อสำเร็จ (Conversion Rate) สูงมาก
วัดผลได้ชัดเจนว่าใครขายเก่ง
ใช้เป็นเกณฑ์จ่ายคอมมิชชั่นได้อย่างโปร่งใส
เมื่อ Creator แชร์ลิงก์ตะกร้า จะสามารถวัดผลได้หลายตัวเลย เช่น:
✔ Click Through Rate (CTR) จำนวนคนกดลิงก์ → วัดความน่าสนใจของคอนเทนท์
✔Conversion Rate (CVR) จำนวนคนที่ซื้อจริง → วัดความน่าเชื่อถือของ Creator
✔จำนวนออเดอร์และยอดขาย ดูได้แบบเรียลไทม์บนหลังบ้านของ Marketplace
✔ค่าคอมมิชชั่นที่ต้องจ่าย Creator ระบบจะคิดให้อัตโนมัติ ยุติธรรม โปร่งใส
✔ประสิทธิภาพของคอนเทนท์แต่ละ Creator
คลิปไหนปัง
Creator คนไหนขายได้ดี
วัน-เวลาไหนที่ลูกค้ากดซื้อมากที่สุด
การวัดผลนี้ทำให้แบรนด์รู้ว่า “ใครขายเก่ง” และควรเพิ่มงบหรือประสานงานต่อกับ Creator คนไหนเป็นพิเศษ.
Creator / Influencer มีบทบาทเป็นกำลังขายสำคัญในยุค Social Commerce
Affiliate Network ช่วยขยายเครือข่ายผู้ขายแบบไม่ต้องลงทุนมาก
การจ้างงาน Creator มีหลายแบบ ทั้งจ้างเหมา คอมมิชชั่น และ Basket Link
การวัดผลทำได้ง่าย ชัดเจน และโปร่งใส ด้วยลิงก์ตะกร้าใน Marketplace
มีหน้าที่หลักในการศึกษา วิเคราะห์ วิจัยเพื่อพัฒนารูปแบบและวิธีการส่งเสริมการพัฒนาชุมชน รวมถึงการสนับสนุน ส่งเสริม และให้คำปรึกษาแก่ชุมชน ผู้นำชุมชน และองค์กรต่างๆ ในการพัฒนาศักยภาพชุมชน การจัดทำแผนชุมชน และการบริหารจัดการชุมชน กลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มงานอื่นๆ ในสำนักงานพัฒนาชุมชน เช่น กลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน กลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน และกลุ่มงานประสานและสนับสนุนการบริหารงานพัฒนาชุมชน สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์ หรือผ่านช่องทางออนไลน์